วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Kidnapped

2
Kidnapped!

                เมื่อผมตื่นขึ้นมาในความมืด หัวของผมมีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง และผมก็ไม่สามารถขยับขาและแขนได้เลย ผมได้ยินเสียงของลูกเรือตะโกนและยังได้ยินเสียงคลื่นลมอีกด้วย โลกทั้งใบดูเหมือนว่าสว่างขึ้นๆ แล้วก็กลับดับลงดังเดิม ผมรู้สึกปวดมาก และในครั้งแรกผมไม่เข้าใจเลยว่ามันกำลังเกิดอะไรขั้น แต่หลังจากนั้นชั่วขณะหนึ่ง ผมก็รู้ว่าผมต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งบนเรือซึ่งกำลังแล่นฝ่ากระแสน้ำอย่างรวดเร็ว ผมได้ถูกลักพาตัวผมคิดอย่างเจ็บใจ มันเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าลุงของผมและกัปตันได้วางแผนกันมาก่อนแล้ว ผมเริ่มมีอาการกลัวและหมดหวัง ในขณะที่ผมนอนอยู่ในความมืดนั้น
                หลายชั่วโมงต่อมา ดวงไฟได้ปรากฏบนใบหน้าของผม มิสเตอร์ริชาจซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่เรือ ยืนมองลงมาที่ผม เขาทำความสะอาดบาดแผลรอยแตกบนหัวของผม นำน้ำมาให้ และบอกผมหลับลงไป ด้วยวาจาที่นุ่มนวล และในเวลาตอมาเขากลับมา ในขณะที่ผมกำลังมีอาการตัวร้อนและมีไข้ เขาก็ได้พากัปตันโฮซีซันมาด้วย
                ตอนนี้ท่านได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว มิสเตอร์ริชาจพูด เด็กหนุ่มมีไข้สูงมากนะ เราต้องพาเขาออกจากหลุมที่เป็นอันตรายในเวลานี้นะ
                นั้นมันไม่ใช่เรื่องของคุณเลย กัปตันตอบ เอ็งรับเงินไปแล้วก็ไปทำงานของเอ็งสิ อย่ามาวิตกกับเด็กหนุ่มคนนี้ ตอนนี้เขาทุเลาลงแล้ว
                ผมถูกจ้างมาเป็นเจ้าหน้าที่บนเรือนี้เพียงอย่างเดียว เขาตอบกลับอย่างคมคาย เขาจ้องเขม่งกัปตัน ก็ผมไม่ได้ถูกจ้างมาให้เป็นโจรลักพาตัวหรือฆาตกรเหมือนคุณนิ
                โฮซีซันหันกลับไปที่ริชาจอย่างดานเดือด แกพูดอะไรออกมาหะ เขาตะหวาด แกหมายความว่าไงวะ
                คุณรู้อยู่แล้วนิ ริชาจบอก และกำลังมองไปที่กัปตันอย่างเรียบเฉย
                แกรู้จักฉันน้อยไปเสียแล้วไอ้ริชาจ ฉันเป็นคนจริงนะ ถ้าแกพูดอะไรออกมาอีกไอ้เด็กนี้ตาย  
                ใช่ เขาต้องตาย ริชาจพูด
                เออดี งั้นเชิญเอามันไปไว้ตรงไหนก็ได้ที่แกต้องการ
                ดังนั้น ผมถูกอุ้มขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าในสองสามนาทีต่อมา  และถูกวางไว้ในห้องนอนของลูกเรือ ซึ่งในขณะนั้นได้มีลูกเรือบางคนกำลังนอนหลับอยู่  มันช่างเป็นความรู้สึกที่มหัศจรรย์ที่ได้เห็นแสงตะวัน และได้พูดคุยกับผู้อื่นอีกครั้ง ผมนอนอยู่ในห้องพักนั้นอยู่หลายวัน อาการก็เริ่มดีขึ้น ลูกเรือทั้งหลายมีความเห็นอกเห็นใจผม เขานำอาหารและเครื่องดื่มมาให้ผม และบอกเล่าผมเกี่ยวกับครอบครัวของพวกเขา และผมก็ได้ทราบจากพวกเขาว่าเรือกำลังแล่นไปสู่ Carolinas ในอเมริกาเหนือ  ยังทราบอีกว่ากำปตันกำลังมีแผน ที่จะพาผมไปขายเพื่อไปใช้แรงงานทาส ซึ่งทำงานในบ้านของคนรวยหรือไม่ก็ฟาร์ม
                แล้วผมยังได้เรียนรู้จากเจ้าหน้าที่เรือสองคน คือ ริชาจและฉวน สนุกสนานไปกับการดื่มกินอย่างมากมาย ลูกเรือทั้งหลายชื่นชอบ มิสเตอร์ฉวน แต่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าบางครั้งเขาชอบใช้ความรุนแรงเมื่อเขาเมามากๆ หนึ่งในลูกเรือคนหนึ่งซึ่งเป็นเด็กหนุ่ม ถูกเรียกว่า Ransome หน้าที่ของเขาคือการนำอาหารไปให้กัปตันและเจ้าที่เรือในหอบัญชาการ ห้องโดยสารอันโอฬารอยู่ชั้นบนสุดของเรือซึ่งเป็นที่ที่เจ้าหน้ากินและนอน เมื่อ Ransome ทำบางสิ่งตกหล่นหรือเสียหาย มิสเตอร์ฉวนเคยทำร้ายเขาด้วย และบ่อยครั้งที่ผมเห็นเด็กชายปอนๆคนนี้ร้องไห้
                ในคืนหนึ่ง ประมาณ 9 นาฬิกา ผมได้ยินเสียงของลูกเรือในห้องโดยสารกระซิบกระซาบกัน ในที่สุดฉวนก็ฆ่าเด็กนั้นพวกเราทั้งหมกต่างก็รู้ดีว่าเขาหมายถึงใคร แปปหนึ่งกัปตันก็ได้เข้ามา ผมรู้สึกประหลากใจที่เห็นเขาเดินตรงมาที่ผมและพูดคุยอย่างเป็นกันเอง “หนุ่มน้อยของฉัน เราต้องการแกไปช่วยพวกเราในหอบัญชาการ จากนี้ไป แกก็ไปนอนที่นั้นแทน Ransome ในขณะที่เขาพูดอยู่ ลูกเรือสองคนหาม Ransomeg เข้าไปในห้องโดยสาร หน้าของเขาซีดเผือดไม่ได้ต่างอะไรกับชีทเลย เขาไม่ได้ขยับหรือเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ผมเย็นชื้นไปทั้งตัวเมื่อเห็นเขา
                ผมรับปากกับตันแล้วกุลีกุจอไปยังห้องบัญชาการ มันเป็นห้องที่ใหญ่ มีโต๊ะ ม้านั่งและตู้ที่ถูกล็อคไว้อาหารและเครื่องดื่มที่ดีที่สุดถูกเก็บไว้ที่นี่ ซึ่งอยู่ในสายตากัปตันตลอกจนปืนอีกหลายกระบอก เมื่อผมเข้าไป ผมเห็น มิสเตอร์ฉวนนั่งอยู่ที่โต๊ะโดยมีขวดวิสกี้ตั้งอยู่ข้างหน้าของเขา  เขาดูเหมือนว่าไม่ได้สนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นรอบๆตัวเขาเลย และเขากำลังจ้องเขม่งอยู่ที่โต๊ะ
                จากนั้นไม่นาน Riach เข้ามาที่ผมและกัปตัน เขาจ้องมองไป Hoseason อย่างมีความหมายว่าจะต้องมีอะไรสักอย่าง เมื่อผมได้เห็นแววตาของเขาก็ทำให้ผมเข้าใจว่า Ransome ได้ตายไปแล้ว เราทั้งสามคนได้ยืนอย่างเงียบๆ โดยที่กำลังมองดู Mr. Shuan
                ในทันใดนั้นกัปตันก็ได้ลุกขึ้นเดินไปข้างหน้าของ Mr.Shuan  เขาได้ร้องลั่นเลยว่า แกรู้ไหมว่าแกได้ทำอะไรลงไป แกได้ฆ่าเด็กหนุ่มนั้นแล้วนะ
                Mr. Shuan ได้เอามือกุมหัวของเขา ใช่แล้ว เขาพูด ไอ้เด็กหนุ่มนั้นมันเอาแก้วสกปรกมาให้ข้า
                กัปตัน Mr. Riach และผมได้มองไปยังคนอื่นๆ เกือบทั้งหมดอยู่ในอาการหวาดกลัว ทันใดนั้น Hoseason ได้พยุงของ Mr. Shuan โดยแขนของเขา และได้บอกให้เขาไปนอน ฆาตกรนั่นพึมพำนิดหน่อยในตอนแรก แต่เขาก็ได้ถอดรองเท้าบู๊ตออกและนอนลง ดูไม่ต่างอะไรจากเด็กเล็กๆ
               Mr. Riach กัปตันร้องเรียก เมื่อทุกคนเห็นว่า Mr. Shuan ได้หลับลงไปแล้ว เขาพูดว่า จะต้องไม่มีใครบนฝั่งรู้ว่าคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้น แล้วเราก็จะบอกว่าไอ้เด็กหนุ่มคนนั้นได้ตกลงไปในทะเลเอง เอาเครื่งดื่มมาให้เราหน่อย เดวิด เราทั้งสองต้องการคนละหนึ่งนะและเขาก็ได้มอบกุญแจตู้ให้ผม
                ในวันสองวันถัดมา ผมยุ่งมาก วิ่งไปโน่นมานี่ภายในออฟฟิส เพื่อบริการอาหาร Mr. Riach และ กัปตันมีความอดทนอย่างน่าแปลกประหลาดเมื่อผมได้ทำอะไรผิดพลาด บางทีเขากำลังคิดว่า เด็กหนุ่มผู้ยากจนผู้นั้นที่ได้เสียชีวิตลง แต่ Mr Shuan ดูผิดแปลกไปหลังจากการตายของ Ransome เขาได้ดูเหมือนว่าเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาได้ทำอะไรลงไปหรือไม่ก็ไม่รู้จักผม ในวันที่สอง ในห้องบัญชาการของเรือ เขาได้จ้องมองมายังตัวผมด้วยสีหน้าที่ซีดเผือดและความกลัวในแววตาของเขา แกไม่เคยอยู่ที่นี่มาก่อนใช่ไหมเขาถามผม
                ไม่ครับท่านผมตอบ
                มีเด็กหนุ่มคนอื่นอีกไหม เขาถามผม อ่า ใช่ น่าจะมี ผมคิดแบบนั้น แล้วก็นั่งลง และเขาก็ได้สั่งให้เอาวิสกี้มาเพิ่ม
                มันไม่ได้เป็นความหนักหนาอะไรของชีวิตผมเลย ผมอยู่ดีกินดี และยังได้พูดคุยกับ Mr. Riach ผู้ที่พูดจากับผมอย่างกับคนสนิทสนมกัน แต่ผมก็ไม่สามารถลืมRansomeผู้ยากจนได้เลย ในขณะที่หลายวันผ่านไป ผมเริ่มที่จะรู้สึกกังวลขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้ดีว่า เมื่อเรือได้แล่นไปถึง Carilinas เมื่อไร ความอิสระของผมจะสิ้นสุดลงทันที และอยู่เยี่ยงทาส ผมคิดหนัก แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่มีทางไหนที่จะหนีรอดออกไปได้เลย
                ประมาณสักหนึ่งอาทิตย์ผ่านไป เรากำลังลอยลำอยู่รอบๆโขดหินทางตอนเหนือของ Scothland ด้วยสภาพอากาศที่เลวร้าย ทัศนะในการมองเห็นต่ำมากเนื่องจากหมอกปกคลุมอย่างหนาแน่น ช่วงบ่ายของวันหนึ่ง มีการประทะอย่างรุนแรง และเจ้าหน้าที่ทั้งหลายก็วิ่งออกมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น  ผมคิดว่ามันต้องเป็นหินก้อนใหญ่ แต่ความจริงแล้วมันคือเรือลำเล็กๆ ในขณะที่เรามองดูอยู่นั้น เรือก็ได้แตกเป็นสองส่วน และผู้ชายทั้งหมดก็ไปที่ท้ายเรือ ยกเว้นผู้โดยสารคนหนึ่ง ในขณะที่เรือปะทะกันนั้น ผู้ชายคนนี้เตรียมการที่กระโดดขึ้นและจับด้านข้างของเรือยอร์ชไว้ และดึงตัวเองขึ้นมา
                กัปตันนำตัวเขาเข้าไปในห้องบัญชาการ เขาเป็นคนตัวเล็ก เมื่อเขาถอดเสื้อแขนยาวของเขาออก ผมก็เห็นว่าเขามีปืนพกอยู่สองกระบอก และมีดาบเหน็บอยู่ที่ข้างลำตัวของเขา ถึงแม้ชีวิตของเขาจะเจออันตรายอันใหญ่หลวงมามากมาย แต่เขาก็ดูเหมือนว่าเป็นคนที่นิ่งมาก พูดจาอย่างสุภาพกับกัปตัน Hoseason กำลังมองดูเสื้อของเขาอย่างสนใจ เขาใส่หมวกที่มีขนนก เสื้อคลุมสีฟ้า กระดุมสีเงิน และสร้อยคอที่ดูมีราคารอบๆคอของเขา
                ผมขอโทษเรื่องเรือนั้นนะท่าน กัปตันพูด
                ข้าต้องเสียสหายของข้าไปบางส่วนคนแปลกหน้าตอบ นั้นมันเลวร้ายกว่าเสียเรือ10ลำไปเสียอีก
                งั้นก็ดี มีผู้ชายบนโลกนี้มากกว่าเรือเสียอีก กัปตันตอบกลับ ยังคงนั่งจ้องหน้ากัน ผมรู้เพราะว่าผมได้อยู่ที่ฝรั่งเศสเหมือนคุณนั้นแหละ.
                เขาพูดคำสุดท้ายอย่างชัดถ้อยชัดคำ ดูเหมือนว่าพวกเขามีความหมายโดยนัยต์ คนแปลกหน้าชักปืนของเขามาอย่างรวดเร็ว
                ไม่ต้องกังวล” Hoseason พูด แกมีเสื้อคุลมทหารฝรั่งเศสบนหลังของแกและลิ้นแห่งสกอต์แลนด์ในหัวของแก ดังนั้นต้องมีผู้ชายที่มีเกียรติ
                ใช่เลยครับ คุณชายแปลกหน้าตอบ ข้าต้องบอกแกก่อนว่า ข้าคือหนึ่งในผู้มีเกียรติแห่ง Hilander ซึ่งภูมิใจที่ได้ต่อสู้เพื่อบ้าน ตระกูล และประเทศในปี 1745 เพื่อต่อต้านกษัตริย์ของอังกฤษ และข้าก็จะต้องบอกแกในหลายๆเรื่อง ถ้าทหารของกษัตริย์ George พบข้า ข้าก็ต้องตกยาก ฉันกำลังเดินทางไปฝรั่งเศส ที่ซึ่งต้นตระกูลของข้าอยู่ที่นั่นในตอนนี้ ถ้าแกให้ข้าไปด้วย ข้าจะจ่ายค่าตอบแทนแกอย่างงาม
                เขาเปิดกระเป๋าออกมาและโชว์เหรียญทองที่มีอยู่มากมาย กัปตันดูเหมือนว่าจะตื่นเต้นเมื่อได้เห็นเงิน และก็เงยหน้าไปดูหน้าของชายผู้นั้น
                ฝรั่งเศสเหรอเขาตอบ ไม่ ข้าทำยังนั้นไม่ได้ แต่ถ้าไป Hilander ค่อนคิดกันดูอีกทีแล้วเขาก็นั่งด้วยกัน และในท้ายที่สุดก็ได้ตกลงกันว่ากัปตันจะพาชายแปลกหน้าผู้นั้นไปที่ Loch Linnhe ซึ่งเป็นชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของสกอตแลนด์โดยจะต้องเสียเงิน 60 ปอนด์ ที่นั้นจะอยู่ท่ามกลางมิตรสหายและปลอดภัยจากกองทัพอังกฤษ เขาและ Hoseason จับมือกัน และกัปตันของออกไปทิ้งผมไว้คนเดียวกับชายแปลกหน้าคนนั้น
                เขาได้บอกกัปตันแล้วว่าทองนั่นไม่ใช่ของเขา ชาว Hilander บางคนได้หลบหนีหลังจากปี 45 แต่เพื่อนของพวกของและพี่น้องร่วมตระกูลในสกอตแลนด์บางครั้งเขาจัดการหาดเงินเล็กๆน้อยๆส่งไปให้พวกเขา และมันก็คืองานของชายคนนี้ที่จะต้องพาเงินไปยังฝรั่งเศส เขาทำแบบนี้โดยการเดินทางไปสกอตแลนด์อย่างลับๆ บ่อยครั้งเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมคิดว่าเขาเป็นคนที่กล้าหาญมาก ถ้าเขาถูกทหารอังกฤษจับได้เขาจะต้องถูกฆ่า ผมชอบเส้นทางของเขา เขาดูเหมือนว่าเขาสนุกกับการเป็นอยู่อย่างอันตราย
                เมื่อเขาถามหาเหล้าจากผม ผมต้องไปถามกัปตันเพื่อเอากุญแจตู้ ผมพบ Hoseason และเจ้าหน้าที่พูดคุยกันเบาๆในมุมมุมหนึ่ง และได้ยินว่าพวกเขามีแฟนที่จะฆ่าชายแปลกหน้าและขโมยเงินของเขา ดูเหมือนว่าเขาคิดที่จะให้ผมช่วยพวกเขา และบอกผมอย่างเป็นความลับให้ผมเข้าไปเอาปืนในห้องบัญชาการ ผมกลับไปหาชายแปลกหน้าอย่างช้าๆ และไม่แน่ใจว่าผมควรทำอะไร แต่เมื่อเข้าไปในห้องบัญชาการผมเห็นเขากำลังนั่งทานอาหาร และผมก็ได้ตัดสินในอีกครั้งหนึ่ง
                พวกเขาจะทำร้ายคุณ ฆ่าคุณผมได้บอกเขาไป
                อะไรนะ เขาร้องออกมา และกระโดดขึ้น แกจะอยู่ข้างฉันเพื่อต่อต้านพวกเขาไหม
                “ใช่แต่ผมไม่ใช่โจรและฆาตกรผมตอบเขาไปอย่างเข้มแข็ง
                แกคือ King George เปล่านะ
                “ไม่มากไม่น้อยหรอกผมตอบเขาไป
                ก็ดี มิสเตอร์ มอ-ออ-เลส แล้วแกชื่ออะไรวะ.
                “David Balfour” ผมตอบ และกำลังคิดว่าชายผู้นี้กับเสื้อคลุมอย่างดีนี้จะต้องเป็นคนดีเหมือนกัน
                ข้าชื่อ Steward ” เขาบอกอย่างภาคภูมิ เขาเรียกข้าว่า Alan Bleck แต่ Steward นี่มันชื่อจริงของข้า ดังนั้นมันจึงดีพอสำหรับข้าแล้ว ถึงแม้ว่าผมไม่มีชื่อบ้านๆที่จะเพิ่มมันเขามองไปรอบ เดวิด เดียวข้าจะจัดการคนที่เข้ามาทางประตูนี้ แกต้องเฝ้าดูทางหน้าต่างและประตูข้างหลังฉัน และยิงคนที่พยายามจะเข้ามา
                เขาให้ปืนพกผมมากระบอกหนึ่ง ผมกลัวมาก และพยายามอย่างหนักที่จะไม่โชว์มัน  เรือดูเหมือนว่าจะแล่นช้าลง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเท้ากำลังวิ่งเข้ามา และเสียงตะโกน และก็ได้ยินเสียงการต่อสู้หน้าประตู ผมก้มดูไหล่ของผม และมองเห็น Mr Shuan ในขณะที่ Alan ฟาดฟันดาบลงบนตัวของเจ้าหน้าที่ ทันใดนั้นผู้ชายหลายคนก็กรูเข้ามาที่ประตู ผมไม่ต้องการที่จะทำร้ายพวกเขา แต่ถ้าผมไม่ทำตอนนี้ผมก็คงไม่มีชีวิตรอด ผมได้ยกปืนพกขึ้นและยิงพวกเขา ชายคนหนึ่งล้มลง และคนอื่นๆก็วิ่งออกไป หลังจากนั้นพวกลูกเรือก็มาต่อสู้เช่นเดิม Alan ได้ต่อสู้อย่างกล้าหาญมาก่อนแล้ว ดาบของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงซึ่งชุ่มไปด้วยเลือด เขามีความสุขกับตัวเขาเองอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่มีเวลาที่จะคิดอะไร แต่ก็มีผู้ชายสองสามคนปรากฏอยู่ที่หน้าต่าง ผมก็ได้ยิงเขาเหมือนกัน ตอนนี้มีร่างจำนวนมากกองอยู่กับพื้น และมีเลือดอยู่ทุกที่
                ทันใดนั้นผมก็รู้ว่าเราได้ชนะแล้ว และอันตรายก็หมดไป Alan ได้หลากผู้ชายเหล่านั้นออกจากห้องบัญชาการซึ่งไม่ต่างอะไรกับแพะเลย เมื่อเขาหันกลับมา เขาก็ได้กอดคอผม
                “David” เขาร้องออกมา ฉันรักแกวะไอ้น้องชาย ฉันเป็นนักสู้ที่สุดยอดไหมผมต้องยอมรับ เขาเอามีดจากบนโต๊ะมาตัดกระดุมเงินออกจากเสื้อคลุมของเขา เอานี่ไว้ David” มันเป็นกระดุมของพ่อของข้า Duacan Stewart แกแสดงกลุ่มนั่นที่ไหน เพื่อนของ Alan Breack จะมาหาแก เขาพูดอย่างภาคภูมิเหมือนกษัตริย์ และผมพยายามที่จะไม่ยิ้มออกมา
                เรานอนในห้องบัญชาการ ซึ่งจะมีเราหนึ่งคนที่ค่อยนั่งเฝ้าระวังทั้งคืน และในตอนเช้า กัปตันมาพูดกับพวกเรา แกชนะการต่อสู้ใช่ไหมเขาพูดกับ Alan  ตอนนี้เรากำลังแล่นเรือผ่าน Little Minch ข้าจะรักษาสัญญาที่ว่าจะพาแกไปยัง Loch Linnhe แต่แกฆ่าShuanพ่อครัวของข้าแล้ว ดังนั้นเราคงเดินทางโดยไม่ค่อยจะปลอดภัยรอบๆภูเขาหินนี้นะ ข้าจะอ้อมไปยังเกาะmull นะ แต่ฉันเตือนแกก่อนนะว่ามันอันตรายมากเลนทีเดียว ”         
                Hoseason ตกอยู่ในความกังวล ตลอดทั้งวันAlanกับผมได้นั่งอยู่ในห้องบัญชาการ และเล่าเรื่องประสบการณ์ชีวิตที่ได้ประสบกันมา แต่ในคืนนั้นลมก็ได้ก่อตัวหนักขึ้น และลูกเรือก็พบว่ามันยากมากที่จะนำเรือออกห่างจากอันตรายจากก้อนหิน ในขณะที่เราอ้อม Earraid ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆใกล้กับเกาะ Mull ทันใดนั้นเรือก็ได้ชนกับก้อนหินอย่างจัง มีอย่างเดียวที่ต้องทำก็คือออกจากเรือ และพยายามที่จะหาสิ่งของบนเรือเพื่อมาเกาะไว้ แต่ในขณะที่เราพยายามปีนลงไปยังเรือลำเล็ก คลื่นใหญ่ก็ได้ซัดเรือใหญ่จนทำให้บางคนตกลงไปในทะเล     
                ผมเดินขึ้นลงๆ หลายรอบ ทันใดนั้น ซึ่งในความโชคดีของผม ผมได้จัดการหาไม้ที่จะช่วยผมลอยอยู่ในน้ำได้ ผมมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็น Alan และลูกเรือคนอื่นๆ หรือว่าเรือลำเล็กนั้นเลย ความหวังอย่างเดียวของผมก็คือว่ายน้ำไปยัง Earriad ซึ่งเป็นที่ที่ผมสามารถมองเห็นอยู่ภายใต้แสงจันทร์ซึ่งไม่ไกลนัก มันเป็นอะไรที่หนักมาก เหนื่อยมาก แต่ผมก็มาถึง ผมรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเหยียบย่างแผ่นดินอีกครั้งหนึ่ง  
   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น