วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Kidnapped

5
David comes home
                เราตัดสินใจกันว่าจะให้ Alan หลบซ่อนอยู่ในทุ่งหญ้า ในขณะที่ผมเดินไปยัง Queensferry เพื่อที่จะพบกับ Mr.Rankeillor Alan ให้สัญญาว่าจะไม่ออกมาจนกระทั่งได้ยินว่าผมกลับมาแล้ว ในคำสั่งเพื่อให้รู้แน่นอนว่าต้องเป็นผม เขาสอนผมเล็กน้อยให้ผิวลม เพลงGaelic และผมก็ไม่เคยที่จะลืมมัน  ฉันคิดว่ามันจะแล่นอยู่ในหัวของผมจนกระทั่งถึงวันตาย ทุกเวลามันลอยเข้ามาหาผม ผมคิดถึงวันสุดท้ายของการเดินทางของเรา Alan กำลังนั่งผิวลมอยู่ตรงหน้าของผมในทุ่งหญ้า ในขณะที่แสงแรกกำลังเล้าโลมใบหน้าของเขา       ไม่นานผมก็ไปถึง Queensferry ผู้คนก็จ้องมองมาที่ผมอย่างแปลกๆ ผมก็รู้ดีว่าเสื้อผ้าของผมมันสกปรกอย่างไร ผมเริ่มมีความรู้สึกหวาดกลัว แล้ว Mr Rankeillor จะพูดคุยกับผมหรือเปล่านะ แล้วผมจะสามารถพิสูจน์ว่าผมเป็นใครได้อย่างไร ผมไม่มีเอกสารที่เกี่ยวกับผมเลย ผมรู้สึกผิดที่ไปจะไปถามหาความช่วยเหลือจากชาวเมือง ดังนั้นผมจึงเดินลับๆล่อๆ และไม่รู้ว่าจะทำอะไร
                ผ่านไปครึ่งวัน ผมรู้สึกเหนื่อยและหิว ผมหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังใหญ่ หน้าต่างที่ดูสะอาดสะอ้าน มีดอกไม้ในสวน และหมากำลังนอนอยู่ใต้ขั้นบันใด ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกมา ผู้ชายรูปร่างใหญ่ แต่งกายดูดี ดูท่าทางจะใจดี เดินออกมา
                “มาทำอะไรที่นี่ละพ่อหนุ่ม เขาถาม
                ผมกำลังมองหาบ้านของ Mr Rankeillor ครับผมตอบ
                ใช่ ฉันนี่แหละ Rankeillor และนี่ก็คือบ้านของฉัน และเธอเป็นใครละ
                “ผมชื่อ David Balfour” ผมตอบ
                “David Balfourเหรอเขาทวนอีกครั้งหนึ่ง และมองเข้ามาใกล้กับผม
"เข้ามาข้างในก่อน Baltfour แล้วเราจะได้คุยกัน"
                ในห้องนั่งเล่นของ Mr.Rankeillor มันช่างสะดวกสบาย ผมได้บอกเรื่อราวชื่อของผมก่อนหน้านี้ และอธิบายเรื่องทั้งหมดที่ลุงของผมขายผมให้แก่กัปตันและลักพาตัวผมลงไปในทะเล
นักกฎหมายตั้งใจฟังอย่างระมัดระวัง "ฉันได้ยินว่าเรื่องของกัปตันHoseasonได้อัปปางลงใกล้เกาะ Mull เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา" เขาพูด. "แล้วเธอเป็นยังไงบ้างตั้งแต่นั้นมา"
"ผมสามารถบอกคุณได้โดยง่ายเลยแหละครับ" ผมตอบ "แต่ถ้าผมบอกคุณเพื่อนของผมก็จะตกระกำลำบากและอันตรายคุณต้องสัญญากับผมนะ ว่าจะไม่ทำให้เขาตกอยู่ในความยากลำบากและไม่บอกทหารเกี่ยวกับเรื่องของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะดูกังวลเล็กน้อยในตอนแรก เขาให้สัญญาและผมได้บอกเขาเกี่ยวกับเรื่องการผจญภัยของผม ในขณะที่เรากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ตาของเขาก็ถูกปิดลง ดูเหมือนว่าเขางีบหลับไป
และหลังจากนั้นผมก็พบว่าเขาเข้าใจและจำทุกสิ่งทุกอย่างได้
         
เมื่อผมพูดถึงชื่อของAlan Breck เขาตาตั้งขึ้นมาทันทีอย่าใช้ชื่อที่ไม่จำเป็น Mr Balfour” เขาพูด            นักกฎหมายต้องตั้งใจฟังเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเราพูดคุยกันถึงเรื่อง Hilander ผมไม่คิดว่าคุณจะรู้จักชื่อของเพื่อนผมเป็นอย่างดี
ใช่แล้วผมคิด ชาวสก็อตทั้งหมดกำลังพูดถึง Alan และตอนนี้เขาก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรฆ่า Colin Campbell” ผมแน่ใจว่า Rankeilor ต้องรู้จักชื่อเขาเป็นอย่างดี แต่เขาก็แค่ยิ้ม และฟังเรื่องของผมต่อไป โดยตอนที่ผมเล่าจะใช้ Thomson แทนชื่อ Alan Breck
ดี ดีนักกฎหมายผู้นี้พูด เมื่อตอนผมพูดจบ เป็นการผจญภัยที่ตื่นเต้นอะไรขนาดนี้ คุณจะต้องไปเขียนลงหนังสือสักวันหนึ่ง ลุงของคุณบอกผมว่า เขาได้ส่งเงินให้คุณไปเรียนต่อในยุโรป แต่ฉันก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องจริง ฉันกลัวว่าทุกคนจะรู้ว่า Ebenzer Balfour ไม่ใช่คนดีและคนที่มีเกียรติแต่อย่างไร จากนั้นก็ได้พบกับ Hoseason เขาก็ได้บอกว่าเธอได้หายไปกับเรืออัปปางในครั้งนั้นแล้ว และตอนนี้ฉันก็เข้าใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฉันรู้แล้วว่า เธอคือ David Baltfour” เขาเอามือตบบ่าผมเหมือนกับพ่อผมคนหนึ่ง เธอต้องการที่จะรู้เกี่ยวกับเรื่องบ้านของ Shaw ไหม มันเป็นเรื่องที่แปลก ตอนที่พวกเขายังเป็นเด็ก Alexander พ่อของเธอ และน้องชายของเขา Ebenzer รักผู้หญิงคนเดียวกัน พ่อของเธอเป็นคนดี และรักน้องชาย แต่เมื่อผู้หญิงคนนั้นตัดสินใจที่จะแต่งงานกับเขา Alexander ก็จาก Cramond และทิ้งบ้านและสวนไว้ให้ Ebenzer แต่ฉันคิดว่านั่นเป็นความผิดอันใหญ่หลวง สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือพ่อแม่ของเธอก็จนลงทุกวันๆ และ Ebenzer ก็กลายมาเป็นคนที่สนใจแต่เรื่องเงิน และเขาก็ไม่แต่งงานีกเลย
แล้วมันเป็นยังไงอีกละผมพูด
ตอนนี้พ่อของเธอได้ตายลงไปแล้วนักกฎหมายตอบ เธอเป็นเจ้าของบ้านของ Shaws และสวนรอบๆบ้านนั่น แต่ Ebanzer ไม่ยอมรับสิ่งนั้น และมันจะมีมูลค่ามากถ้าเขาจะต้องไปแก้ตัวในศาล ในความจริงแล้ว เราไม่ต้องขึ้นศาล ถ้าเป็นไปได้ การลักพาตัวมันยากต่อการแก้ตัว และเราก็ไม่ต้องการสืบพยานจาก Thomsonเพื่อนของเธอ  ฉันคิดว่าเราควรจะไป Ebenzer ซึ่งเป็นที่ที่เขาได้อยู่มาเป็นเวลา 25 ปี และเรียกร้องให้เขาจ่ายเงินให้เธอทุกๆปี แทนที่จะมอบบ้านให้แกเธอ เธอคิดว่าไงบ้าง
มันเป็นเรื่องที่สุดยอดสำหรับผมแล้วผมตอบ แต่ผมก็คิดว่าควรจะต้องข้อกล่าวหาลุงของผมใน
คดีลักพาตัวนะ มันง่ายกว่าที่คุณคิด ฟังนะ ผมอธิบายแผนของผมให้เขาฟัง
                เขารู้สึกเป็นที่พอใจกับมันมาก ได้เลย David ดีมาก ถ้าเราสามารถจับกุม Ebenzer อย่างที่เธอว่าได้ เขาก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธการให้เงินที่เป็นของเธอได้ เขา Torrance ซึ่งเป็นเลขาของเขา คุณต้องมาหาเราคืนนี้ คุณต้องมาฟังบทสนทนาของเราและบันทึกมันทั้งหมด แล้วเอาไปให้ Baltfour” แล้วเขาหันกลับมาที่ผม แต่ถ้าฉันยอมรับแผนของเธอ ฉันจะต้องขอพบ Thomson เพื่อนของเธอนะ บางทีเขาอาจจะเป็น อาชญากรเขาก็เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง กำลังคิดอย่างไตร่ตรอง แล้วเขาก็พูดออกมา ถ้านั้นเรามาพูดเรื่องอื่นกันดีกว่า เธอรู้ไหมว่าวันนั้น ฉันพบ Torrance ที่ถนนฉันจำเขาไม่ได้ เพราะฉันไม่ได้ใส่แว่น ทั้งที่เขาเป็นเลขาของฉันแล้วเขาก็หัวเราะตัวเองอย่างมีความสุข
                ผมยิ้มอย่างสุภาพ บางที่อาจเป็นเพราะเขาแก่แล้วก็ได้ผมคิด
                แต่ต่อมาในตอนบ่าย ในขณะที่เราทั้งสามคนเดินออกจากQueenferry ทันใดนั้นทนายก็ร้องออกมาและหัวเราะ ทำไมฉันถึงโง่อย่างนี้นะ ฉันลืมแว่นตาของฉันอีกแล้ว และผมก็เข้าว่าทำไมเขาถึงบอกผมเรื่องของ Torrance ตอนนี้เราได้พบกับ Alan ฆาตกรที่ถูกออกหมายจับ และถ้าทหารถามถึงเขา เขาก็สามารถที่จะพูดได้ว่าเขาไม่เคยเห็น Alan มาก่อนได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
                เมื่อเราเข้าไปใกล้กับที่ที่ Alan ได้ซ่อนตัวอยู่ ผมผิวลมเป็นเพลง Hilander เมื่อเขาออกมา เราก็อธิบายทุกสิ่งว่าต้องการให้เขาทำอะไร แล้วเขาก็ยอมทำตามอย่างง่ายดาย ดังนั้นเราทั้งสี่คนก็เดินต่อไปจนกระทั่งถึงบ้านของ Shaws
                มันเป็นช่วงเวลาที่มืดค่ำแล้ว ไม่แสงสว่างใดๆจากหน้าต่างเลย บางทีลุงของผมอาจจะหลับแล้วก็ได้ Rankeillor Torrance และก็ผมได้ย่องไปใกล้เพื่อที่ได้ยินการสนทนา ในขณะที่ Alan ตรงไปยังที่ประตู และเคาะเสียงดัง หลังจากนั้นลุงของผมก็ได้เปิดหน้าต่างห้องนอน และตะโดนลงมาด้วยเสียงที่หน้ากลัวแกต้องการอะไรวะนี่มันเป็นเวลากลางคืนนะโว้ย แล้วแกเป็นใครวะ
                ข้าไม่ต้องการบอกชื่อของฉันหรอก” Alan ตอบ แต่ข้าจะมาคุยกับแกเรื่องของใครบางคนที่ชื่อ David”
                “อะไรลุงของผมร้องออกมา และหลังจากนั้นไม่นาน เขาพูดอย่างเศร้า แกจะเข้ามาคุยข้างในก่อนไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น
                “ไม่มีทาง” Alan พูดอย่างเฉียบขาด เราต้องมาพูดกันตรงนี้ที่ขั้นบันได ลงมาพูดกับข้าสิ
                หลังจาก Ebanzer ได้คิดอยู่พักหนึ่ง เขาจึงได้ตัดสินใจทำตามสิ่งที่ Alan ต้องการ มันเป็นเวลาที่นานมากกว่าเขาจะลงมาที่บันได และใช้เวลานานมากที่จะปิดประตูอันหนักอึ้งออกมาได้ และท้ายที่สุดเราก็เห็นเขายืนอยู่ที่หน้าประตู และมือถือปืนด้วยมือที่กำลังสั่น
                แกมีปัญญาพอที่จะรู้ว่าข้าเป็นชาว Hilander ข้ามีเพื่อนที่อาศัยอยู่ใกล้กับเกาะ Mull และดูเหมือนว่าเรือจะล่มลงที่นั่น และหลังจากนั้นไม่นานเพื่อนของข้าก็เด็กหนุ่มกำลังจะตายอยู่ที่ชายหาด พวกเขาได้ดูแลหลานของแกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และตอนนี้พวกเขาต้องการรู้ว่าถ้าแกต้องการหลานแกกลับมา แกจะต้องจ่ายเงินให้พวกเขา แกจะเอาไหม
                “ข้าไม่ต้องการให้มันกลับมาลุงของผมพูด เขาเป็นคนไม่ดี ข้าจะไม่จ่ายเงินสักแดงเดียวให้กับเขา
                “เลือดมันจะข้นกว่าน้ำเหรอ” Alanพูด เด็กนั้นคือลูกชายของแกนะ แต่ถ้าแกไม่ต้องการให้เขากลับมา แกจะจ่ายเงินให้พวกเราไปดูแลเขาไหม รีบๆหน่อย ข้ารอออยู่ที่นี่ไม่ได้ทั้งคืน
                “ให้เวลาข้าคิดหน่อยสิวะลุงของผมร้องออกมา
                มีอยู่สองทางเลือกคือ รักษาเด็กนั้นไว้หรือว่าจะฆ่ามันทิ้ง
                “อย่าเลย” Ebenzerร้องออกมา อย่าพูดเรื่องฆ่าเขาเลย
                การฆ่านี่ง่าย เร็ว แล้วก็ถูกดี          
                ข้าเป็นคนมีเกียรติ ลุงของผมพูด และไม่ใช่ฆาตกร
                “นั่นก็ดี” Alan ตอบ แล้วเท่าไหร่ละที่แกจะจ่ายเราเพื่อให้รักษาเด็กนั้นไว้ ข้าต้องการเพียงรู้ว่าครั้งแรกแกจ้าง Hoseason ลักพาตัวเด็กหนุ่มนั้นไปเท่าไหร่
                “Hoseason ลักพาตัวเหรอ แกกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ลุงของผมกรีดร้องออกมา กระโดดขึ้นลงอยู่หน้าประตู
                “Hoseasonได้บอกเรื่องทั้งหมดกับข้าเอง” Alan พูดอย่างสงบ ดังนั้นแกไม่ต้องมาโกหก แค่ตอบคำถามมา ไม่นั้นดาบของข้าจะไปอยู่ในกระเพาะของแก
                “อย่าโกรธเลยลุงของผมร้องออกมา ข้าให้แก 20 ปอนด์เท่านี้ แล้วก็เอาเด็กนั้นไปขายเยี่ยงทาสแล้วก็เก็บเงินนั้นไว้ เห็นด้วยไหม
                “ขอบคุณมาก Thomson สุดยอดเลยทนายพูดแล้วก็เดินออกมา สวัสดีตอนบ่าย Baltfour” เขาพูดกับชายแก่คนนั้นอย่างสุภาพ
                สวัสดีตอนบ่ายเช่นกันลุงEbenzer” ผมพูด
                มันเป็นตอนบ่ายที่สุดยอดมากเลยนะ Baltfour” Torrance เสริมขึ้นมา
                ลุงของผมไม่พูดอะไร แต่ยืนอ้าปากค้างอยู่ที่หน้าประตูนั่น เราได้พาเขาไปนั่งในห้องครัว พูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นมา ประมาณชั่วโมงต่อจากนั้นทุกอย่างก็ลงตัว ลุงของผมยอมมอบบ้านให้กับผม แต่มีข้อแม้ว่า ให้เขาอยู่ที่บ้านหลังนั่นตราบจนเขาได้ตายลง เขายอมที่จะจ่ายเงินให้ผมทุกปีโดยที่ Rankeilor เป็นคนตรวจสอบ
                เราอยู่กันที่บ้านหลังนั้นทั้งคืน แต่ในขณะที่ Rankeillor Alan และ Torranceได้ไปนอนบนเตียงหนาๆที่อยู่ชั้นบน ผมได้ทิ้งตัวลงนอนบนหีบในห้องครัวซึ่งมันเป็นของผม ผมซึ่งเป็นคนที่เคยนอนเนินเขามาเป็นเวลาหลายวัน ตอนนี้ได้เป็นเจ้าของบ้านหลังใหญ่แล้ว และสวนที่มีเนื้อที่หลายไร่ ในหัวของผมเต็มไปด้วยแผนและความคิดต่างๆที่แสนจะตื่นเต้น และมันยากที่จะทำให้ผมหลับลงได้
                หลายวันต่อมา ในขณะที่ผมนั่งทานข้าวเช้ากับ Rankeillor ผมได้พูดกับเขาเรื่องของ Alan
                “Thomsonยังตกอยู่ในอันตรายทนายพูดเขาจะต้องออกนอกประเทศให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และจะต้องไปอยู่กับที่ฝรั่งเศสสักช่วงหนึ่ง ฉันจะเงินเธอไปซื้อที่นั่งบนเรือให้เขา เขาจะต้องอยู่แบบลับๆล่อๆ
                “แล้วJames Stewart ญาติของเขาที่อยู่ในคุกละผมถาม ผมรู้ว่าเขาไม่ได้ฆ่า Colin Campbell ผมเป็นคนเห็นฆาตกรตัวจริง ผมจะต้องไปพูดในศาลเพื่อ James”
                “เด็กหนุ่มของฉัน” Rankeillor พูด มันอันตรายสำหรับทุกคนที่จะไปพูดในแก่ตัวให้ James ในศาลของ Campbell แต่เธอต้องทำในสิ่งที่เธอคิดว่ามันถูก ฉันจะเขียนจดหมายไปถึงทนายที่ดี ผู้ที่จะสามารถช่วย James และตระกูลของเขาได้เขายืนขึ้น ฉันคิดว่าเราคงหมดธุระของเรากันเพียงเท่านี้ ฉันต้องไปจากที่นี่และกลับไปทำงาน มาหาฉันบ่อยๆนะ David ลาก่อน
                Alancและผมเริ่มเดินไปยัง Edinburge ในขณะที่ Rankeillor และ Torrance เดินกลับไปยัง Queenferry เราคุยกันเรื่องที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อไป Alan กำลังจะไปหลบซ่อนอยู่ที่ชาญเมืองใกล้กับ Edinburge จนกระทั่งรู้ว่าปลอดภัยแล้วจึงพาเขาขึ้นเรือไปยังฝรั่งเศส และผมจะเขียนจดหมายถึงเขาเพื่อไว้ดูต่างหน้า และผมก็มีแผนที่จะกลับไปยังเมือง Hilander เพื่อที่จะช่วย James และครอบครัวของเขา
                ผมและAlan เดินกันอย่างช้าๆ เราทั้งสองกำลังคิดว่าเร็วนี้เราจะต้องจากกันแล้ว และเราจะต้องคิดถึงกันมากๆอย่างแน่นอน เราหยุดลงเมื่อเราถึงเนินเขา Corstorphine และมองลงไปยังเมือง Edinburge เรารู้ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เราจะต้องจากกันแล้ว และเราก็ได้ยืนอยู่ในความเงียบอยู่ชั่วขณะ
                ลาก่อน” Alanพูด และยื่นมือไปข้างหน้า
                ลาก่อนผมพูด และจับมือเขาไว้ แล้วผมก็เดินลงไปในหุบเขา และไม่หันกลับมามองเขาอีกเลย แต่มันช่างเป็นความรู้สึกที่แสนยากลำบากมาก ผมต้องการนั่งลงและร้องไห้ให้เหมือนเด็กเล็กๆ
                Edinburge เต็มไปด้วยเสียงรับกวนของผู้คนที่สัญจรไปมา และผมก็ไม่ได้ไปสังเกตสิ่งเหล่านั้นเลย ทุกเวลาผมคิดถึงเพียงAlanที่อยู่บนเนินเขานั่น และมันทำให้ผมรู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาทันที
                ในเดือนต่อมา ผมเก็บกระดุมเงินของ Alan เอาไว้เป็นอย่างดี เพื่อระลึกถึงครั้งหนึ่งเราหนีผ่านทุ่งหญ้าเข้าไปในป่าเมือง Highland ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนของ Alan Breck Stewart ผมรู้สึกดีใจมากถ้าได้พบเขาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อผมได้กลับไปยังเมือง Highlandเพื่อที่จะช่วยญาติๆของเขา ผมก็ได้พบกับการผจญภัยของผมกับAlanไม่รู้จบ...แต่มันเป็นเรื่องอื่น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น