วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Kidnapped

4
Escape through the heather
          เราไม่เวลาพอที่จะพูดคุยสนทนา มานี่” Alan เรียก และเริ่มวิ่งเลียบไปทางด้านข้างของเนินเขา โดยก้มต่ำลงแทบจะเรียบไปกับพื้น ผมตามเขาไปติดๆเหมือนแกะไม่มีผิด เราวิ่ง วิ่ง และก็วิ่ง เร็วที่สุดเท่าที่เคยวิ่งมาก่อน และหัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะเลย บางครั้งผมก็รู้สึกประหลาดใจที่ว่า Alan ยกหลังของเขาขึ้นโชว์พวกทหารที่กำลังจะจับเรา
                หลังจากนั้น 15 นาที Alan ก็นอนราบลงไปกับทุ่งหญ้า และหันกลับมาที่ผม เดี๋ยวนี้เขาสั่ง นี้มันเรื่องจริงจัง ทำแบบที่ข้าทำนะ ถ้าไม่อยากตายและทำตายอย่างรวดเร็ว ด้วยความระมัดระวังอย่างมาก เราได้กลับไปเกือบจะทางเดิมที่เรามา และสุดท้ายเราก็ได้กลับไปยังในป่าที่ผมได้ผม Alan
                เราหมอบลงในทุ่งหญ้าซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเป็นเวลานาน ขาของผมได้รับบาดเจ็บ และผมกำลังปวดหัว และผมคิดว่าผมต้องตายอย่างแน่นอน
                Alan เปิดปากพูดเป็นครั้งแรก ดีมากเขาพูด นั้นเป็นงานที่สุดยอด David”
                ผมไม่พูดอะไร ผมได้เห็นสิ่งที่คาดฆาตกรทำลงไป ผมรู้แล้วว่า Colin Campbell เป็นศัตรูตัวฉกาจของ Alan และได้มาพบเข้าว่า Alan กำลังซ่อนตัวอยู่ในป่าไม้ ถึงแม้ว่าผมไม่ได้คิดว่าเขาไม่ยิง Campbell ผมก็มีความรู้สึกว่าเขาได้วางแผนการฆ่าครั้งนี้มาแล้ว ผมจึงไม่สามารถมองไปที่เขา
                แกยังเหนื่อยอยู่หรือเปล่าเขาถาม
                ไม่ ผมตอบ แล้วหันหน้าไปหาเขา ไม่ ผมไม่เหนื่อยแล้วตอนนี้ Alan ผมไม่สามารถอยู่กับคุณได้อีกแล้ว ผมต้องไปจากคุณ ผมชื่นชอบคุณเป็นอย่างมาก แต่เราทั้งสองคนเป็นคนที่แตกต่างกันทั้งปวง
                “Alan ทำไมคุณถึงถาม คุณรู้ดีว่า Colin Campbell ต้องนอนตายบนถนนจมกองเลือดของเขาเอง
                Alan เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ใช่แล้วนาย Balfour ของ Shaws เขาพูดเป็นครั้งสุดท้าย ข้าให้สัญญากับแกว่าข้าไม่ได้วางแผนที่จะเป็นฆาตกร หรือไม่ได้รู้อะไรเลยที่เกี่ยวกับมัน
                “ขอบคุณพระเจ้าผมลั่น และยื่นมือให้กับเขา
                ปรากฏว่าเขาก็ไม่ได้สนใจ ข้าไม่รู้ว่าทำไมแกถึงกังวลกับการตายของ Campbell นักเขาพูด
                ผมรู้ว่าคุณเกลียดตระกูลของพวกเขา Alan แต่คุณก็พรากชีวิตเขาไปอย่างเลือดเย็นซึ่งมันเป็นสิ่งร้ายแรงที่จะทำ คุณรู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนลงมือทำ
                “ข้าจะไม่ถึงเขาอีกแล้ว” Alan พูดแล้วเขย่าหัวอย่างเศร้าๆ แต่ข้าเป็นคนลืมเก่งนะ David”  
                ผมต้องหัวเราะกับสิ่งนั้น ทันใดนั้นผมก็นึกอะไรบางสิ่งออก เมื่อตอนที่เรากำลังวิ่งหนีนั้น คุณโชว์ตัวเองให้ทหารเห็น เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้ฆาตกรหลบหนี
                “ไม่มีชาว Hilander คนไหนที่จะทำแบบนั้น ที่ที่ดีที่สุดของเด็กหนุ่มผู้ที่ยิง Colin คือในทุ่งหญ้า และเราก็ต้องทำทั้งหมดนั้นเพื่อที่จะให้เขาหนีไปให้ไกลจากทหาร
                ผมเขย่าหัวตัวเอง ชาวHilanderพวกนี้ดูท่าทางแปลกๆ เป็นคนป่าเถื่อนเริ่มชักไม่แน่ใจแล้ว แต่ Alan พร้อมที่จะตายกับสิ่งที่เขาคิดว่าถูกต้อง ผมชื่นชอบเขาเพราะสิ่งนี้แหละ ผมยื่นมือให้เขาอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้เขาก็ยื่นมือมาจับเช่นกัน
                “David” เขาพูด ตอนนี้เราต้องหนีเหมือนกัน พวกCampbell จะกล่าวหาว่าเราทั้งสองเป็นฆาตกร
                “แต่เราไม่ได้ทำแบบนั้นนะผมลั่นออกไป เราสามารถแก้ตัวได้ในศาล” 
              “เด็กหนุ่ม ข้ารู้สึกประหลาดใจในตัวแกจริงๆ” Alan พูด แกไม่รู้ใช่ไหมว่าถ้า Campbell ถูกฆ่าผู้ที่ถูกจับจะถูกส่งไปขึ้นศาลใน Inveraray ในใจกลางของประเทศ เมื่อนักกฎหมายของ Campbell ได้ตัดสินแล้ว แกก็จะถูกฆ่าทันที
                นั่นคือสิ่งที่ผมกลัวนิดหน่อย เข้าใจแล้ว Alan” ผมพูดผมจะไปกับคุณ
                “เออ แต่ข้านึกขึ้นได้” Alan พูด มันจะเป็นช่วงชีวิตที่ตรากตรำนะ แกจะต้องนอนตากแดดตากอากาศ และบ่อยครั้งที่กระเพราะของแกจะว่างเปล่า แกสามารถเลือกได้ว่า จะอยู่ในทุ่งหญ้ากับข้า หรือจะตายด้วยน้ำมือของ Campbell”
                “นั่นมันง่ายต่อการตัดสินใจของผมผมพูด แลเราก็ได้จับมือกัน
                เมื่อเรามองไประหว่างต้นไม้ เราก็ได้พบกับทหารที่ใส่เสื้อคุลมสีแดง ซึ่งยังเคลื่อนตัวไปมาบนเนินเขา Alan ยิ้มและบอกผมจะต้องไปที่บ้านของJames Stewartญาติของเขาเป็นที่แรกจากนั้นเราก็จะไปยัง Lowlands พวก Campbell และทหารอังกฤษจะไม่คิดว่าเราจะไปที่นั้น และ Alan ก็จะพบกับที่ที่เรือแล่นผ่านไปยัง ฝรั่งเศส
                เราเดินเป็นเวลาหลายชั่วโมง และไปถึงในคืนนั้นซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ตั้งอยู่ในหุบเขา มีแสงไฟจากทุกบานหน้าต่าง และผู้คนก็กำลังสาละวลเดินเข้าเดินออกและประตูก็เปิดอยู่ Alan ผิวลมสามครั้ง แลเราก็พบชายรูปร่างสูงดูเป็นผู้ดีอายุประมาณ 50 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่ต้อนรับเราใน Gaelic
                “James Stewart” Alan เรียก ข้าจะบอกให้แกพูดภาษาอังกฤษเพราะสหายของข้ามาจาก Lowlands และไม่สามารถพูด Gaelicได้
                James พูดกับผมอย่างสุภาพสองสามครั้ง และต่อมาเขาก็หันกลับไปที่ Alan ด้วยใบหน้าที่ดูออกจะกังวลเป็นอย่างมากนี่เป็นเหตุการณ์ที่หนักหนาเขาพูดออกมา มันจะนำปัญหามาให้เราทั้งหมด
                “เขาเป็นคนดีนะ” Alan พูด แกควรจะขอบคุณกับการตายของ Colin Campbell”
                “ใช่เหรอ” James ตอบ แต่เขาถูกฆ่าใน Appin ข้าจำได้ว่าเป็นแบบนั้น ดังนั้น Appin Stewart ก็จะเป็นผู้ถูกจับ และข้าก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งของครอบครัวนั้นด้วย
                ผมมองไปรอบๆตัวของผม ผู้ชายผิวขาว มีสีหน้าหวาดกลัว เร่งรีบเดินไปนู้นมานี่  โดยปราศจากความคิดเลยว่าเขาควรจะทำอะไรก่อนหรือหลังดี   บางคนกำลังซ่อนปืนและดาบบางคนก็กำลังเผากระดาษ เมื่อเห็นว่าผมดูเหมือนกำลังประหลาดใจ เขาอธิบายว่า พวกทหารจะต้องสืบเสาะค้นหาบ้านพวกเราเป็นอันดับแรก เราไม่อยากให้เขาพวกเขาพบสิ่งใดเลย
                เราออกมาด้านนอก เราพบกับภรรยาของJames และพวกเด็กๆ พวกเขากำลังร้องไห้อยู่ในมุมหนึ่ง ผมรู้สึกเสียใจกับพวกเขามาก แต่เราไม่มีเวลามากพอที่จะพูดคุยอะไรกับพวกเขา Alan อธิบายว่าพวกเราต้องการการหลบหนี และต่อมาคนของJames นำดาบและปืนมาให้ อาหารบางส่วน หม้อสำหรับทำอาหาร และขวดเหล้า เราต้องการเงินเป็นอย่างมาก เพราะว่า Alan ได้ให้เหรียญทองแก่คนที่จะพาเราไปฝรั่งเศสหมดแล้ว แต่ James ก็นำเงินมาให้เราเล็กน้อย
                แกต้องหาสถานที่ที่ปลอดภัยที่ไหนสักแห่งใกล้ๆนี้เขาพูด และส่งข้อความมาหาข้าด้วย ข้าจะหาเงินเล็กๆน้อยๆให้แก และส่งมันไปให้แก แต่ว่า Alan” เขาหยุดเว้นระยะพักหนึ่ง แล้วกัดนิ้วเขาอย่างเป็นกังวล ข้าจะต้องกล่าวหาแกว่าเป็นฆ่า Campbell ข้าต้องทำแบบนั้น ถ้าข้าไม่ทำแบบนั้น พวกเขาจะต้องกล่าวหาข้า ข้อจะต้องคิดถึงตัวเองและครอบครัวก่อน แกเห็นด้วยกับข้าไม่
                “ใช่” Alan พูดอย่างช้าๆ ข้าก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน
                “และข้าจะต้องกล่าวเพื่อนของแกที่มาจาก Lowlands ด้วย แกเห็นด้วยหรือไม่วะ Alan”
                ใบหน้าของ Alan เริมแดงก่ำ มันยากนะJames สำหรับข้าแล้ว ข้าพาเขามาที่นี่ แล้วตอนนี้เพื่อนของข้ากล่าวหาเขาว่าเป็นฆาตกร
                “แต่ฉันก็แค่คิดนะ Alan น้องชาย” James ร้องออกมา พวก Campbell จะต้องกล่าวหาเขาอย่างแน่นอน แล้วลูกๆข้าละ
                “นั้นก็ดี” Alanพูดแล้วก็หันมาที่ผม แกจะพูดอะไรไหม ถ้าแกไม่เห็นด้วย ข้าจะได้ไม่ให้James ทำแบบนั้น
                “ผมไม่เข้าว่าทำไมเราไม่กล่าวหาคนที่ฆ่า Campbellจริงๆละผมตอบเขาไปอย่างเฉียบขาด แต่นี่มากล่าวหาผม Mr Stewartถ้าคุณต้องการแบบนั้น กล่าวหา Alan กล่าวหา King George ผมก็เป็นเพื่อนของAlan ผมก็ต้องช่วยเพื่อนของผมในทุกๆทางอยู่แล้วถึงแม้ต้องตกอยู่ในอันตราย
                ดังนั้นในคืนนั้นเราจึงการเดินทางที่แสนจะยาวไกลของพวกเราไปยังเมือง Lowlands บางครั้งเราเดินบางครั้งเราก็วิ่ง ถึงแม้ว่าเราจะเดินทางอย่างรวดเร็วเท่าที่เราจะทำได้ แสงแดดก็เริ่มปรากฏขึ้นก่อนที่เราจะพบที่ซ่อนตัวที่ดี เราหลบอยู่ในหุบเขาที่เป็นหินของเมือง Glencoe เป็นภูเขาที่สูงและมีแม่น้ำไหลผ่านบริเวณจรงกลาง Alan เริ่มกังวลอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเราอยู่ที่นี่พวกทหารก็จะเจอเราได้ง่ายเขาพูด เขามองไปรอบๆ และมองเห็นหินก้อนใหญ่ สูงประมาณ 7 เมตร เราปีนขึ้นไปยังยอดของหินนั้นด้วยความยากลำบาก ทันใดนั้นก็ทำให้ผมรู้ว่าทำไมเขาเลือกหินก้อนนี้ บนยอดของหินก้อนนี้มีรูปร่างคล้ายกับจาน และมีห้องสำหรับคนสองสามคนสามารถนอนลงได้ และได้หลบซ่อนผู้คนอยู่ที่หุบเขาแห่งนี้
                และในท้ายที่สุด Alan ก็ยิ้มได้ ใช่เลยเขาพูด ตอนนี้เรามีโอกาส แกสามารถงีบสักประเดี๋ยวได้นะ เดียวข้าจะคอยเฝ้าระวังพวกทหารเอง
                แต่เมื่อผมตื่นในหลายชั่วโมงต่อมา หุบเขานั้นก็เต็มไปด้วยทหารที่มีเสื้อคลุมสีแดง และ Alan ก็กลับมาดูกังวลเหมือนเดิม ถ้าพวกเขาขึ้นไปทางด้านข้างของภูเขานั้น เขาก็จะเห็นพวกเรา  เขาพูด  “เราทำได้เพียงอยู่ที่นี้และภาวะนาอย่าให้พวกเขาเห็นเราเลยเมื่อมืดลงเราพยายามที่จะออกห่างจากพวกเขา
                มันเป็นวันที่ยุ่งเหยิงเสียเหลือเกิน เรานอนอยู่บนก้อนหิน เลย ถูกอบด้วยแสงอาทิตย์ ไม่มีน้ำ มีเฉพาะเหล้าเท่านั้นที่จะดื่มได้ เราได้ยินเสียงพูดภาษาอังกฤษของพวกทหารเหล่านั้นรอบๆตัวเรา แต่โชคดีเขาไม่ได้มองขึ้นมาบนก้อนหิน ในตอนบ่าย เมื่อเห็นว่าทหารกำลังงีบหลับหลังจากอาหารเที่ยง เราตัดสินใจที่หลบหนีต่อไป โดยปีนลงจากก้อนหินก้อนนั้นอย่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง พวกเหล่าทหารไม่ได้สังเกตในขณะที่เราเคลื่อนตัวอย่างระมัดระวังจากหินก้อนหนึ่งไปยังหินอีกก้อนหนึ่ง และในไม่ช้าเราก็ปลอดภัยซึ่งได้อยู่ในหุบเขาที่อยู่ถัดออกไป ในเย็นของวันนั้นเราทำความสะอาดของตัวเราแม่น้ำ และกินข้าวโอ๊ตที่เย็น มันช่างเป็นอาหารชั้นเลิศของชายผู้หิวโซ เราเดินต่อไปในทางทิศตะวันออกทั้งคืน ภายใต้เงามืดอย่างดีของภูเขา Alan รู้สึกดีอย่างยิ่งที่ได้หนีมาจากพวกทหารนั้นได้ เขาผิวลมอย่างมีความสุขในขณะที่เขาเดินอยู่
                ก่อนที่ถึงช่วงกลางวันเราได้มาถึงถ้ำ ซึ่งเป็นที่ที่ Alan เคยใช้มาก่อนแล้ว เราใช้ที่นี้เพื่อหลบซ่อนตัวเป็นเวลา 5 วัน Alan ลงไปข้างล่างในคืนหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านที่สุด ไปยังบ้านญาติของเขาคนหนึ่ง เขาได้ใช้ให้ผู้ชายคนนั้นไปส่งข่าวให้ James ว่าพวกเรากำลังหลบอยู่ที่ไหน และหลังจากนั้นสามวันญาติของเขาก็กลับมาด้วยกระเป๋าเงินสำหรับพวกเรา และจดหมายจากภรรยาของ James เราก็ได้พบว่า James ได้ติดคุกไปแล้วเนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร ถึงแม้ว่าผู้คนจับอกกันว่า Alan Bleck เป็นคนยิง และยังมีการตั้งค่าหัวของผมเป็น100ปอนด์ เท่ากับของ Alan
                ผมเริ่มที่จะคิดว่า ผมจะต้องปลอดภัยกว่านี้หากผมอยู่คนเดียว Alan เป็นที่จดจำได้ง่ายด้วยชุดอย่างดีของฝรั่งเศสและแพงด้วย ภรรยาของ James wได้จัดการส่งเงินมาให้พวกเราเพียง 5 ปอนด์เท่านั้น และAlanต้องเดินทางไกลถึงฝรั่งเศส แต่ผมก็ยังมีเงินเหลืออยู่สองปอนด์ และต้องการเพียงที่จะไปให้ถึง Quennferry ดังนั้นผมต้องแบ่งเงินบางส่วนให้ Alan อยู่กับAlanมีอยู่สองอย่างก็คืออันตรายและเสียเงินด้วย
                แต่เพื่อนผู้ทรงเกียรติของผมไม่ได้คิดไปในทางนั้น เขารู้สึกมั่นใจว่าเขากำลังช่วยผมอยู่ ดังนั้นเขาจึงทำทุกอย่างที่เขาทำได้ ยกเว้นอยู่อย่างเงียบๆ และหวังว่าทุกสิ่งจะต้องผ่านไปด้วยดี
                เราเริ่มเดินทางอีกครั้งหนึ่งข้ามภูเขาในเวลากลางวันโดยเดินผ่านเข้าไปในป่า แหวกพุ่มต้นไม้เตี้ย ซึ่งถูกปกคลุมหญ้าสีม่วง เพราะว่าใครก็ตามที่อยู่บนเนินเขารอบๆของเรา จะมองเห็นเราได้ง่ายเมื่อเรายืนขึ้น เราต้องเดินและวิ่งด้วยมือและเท่าของพวกเราเองไม่ต่างอะไรเลยจากสัตว์ มันช่างเป็นวันที่ร้อนเหลือเกิน และหลังของผมเริ่มจะปวดอย่างรุนแรงหลังจากผ่านไปสองถึงสามชั่วโมง ผมต้องการที่จะพักและดื่มน้ำ แต่เมื่อเราหยุดลง ก็ทำให้เราเห็นเสื้อสีแดงของพวกเหล่าทหารคนหนึ่งบนเนินเขา และเราก็ต้องคลานต่อไป
                เราทั้งเดินและวิ่งทั้งวันทั้งคืน ความเหน็ดเหนื่อยของพวกเราไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้จริงๆ ผมไม่รู้ว่าผมเป็นใคร กำลังไปที่ไหน และผมก็ไม่ได้สนใจมันด้วย ผมคิดทุกๆฝีก้าวว่ามันจะเป็นก้าวสุดท้ายของผม และผมหวังว่าความตายคงจะมาถึงผมในไม่ช้านี้ Alanขับเคี่ยวให้ผมข้างหน้า และผมก็รู้สึกเกลียดเขา แต่ผมก็กลัวเขามากว่าจะหยุดพัก
                เมื่อมาถึงเวลากลางวันอีกครั้ง เราเผลอเลอด้วยความเหน็ดเหนื่อยและกลายมาเป็นความประมาท ทันใดนั้น คนป่า3-4 คน กระโดดออกมาจากพงหญ้าและจับเราไว้เป็นเชลย ผมกลัวมาก แต่ก็รู้สึกมีความสุขที่หยุดในเวลานั้น แต่ Alan กับพวกเขาด้วยภาษา Gaelic
                ทั้งหมดนี่ก็คือชาว Cluny Macpherson เขาพูดอย่างเบาๆกับผมแกจำพวกเขาได้ไหม หัวหน้าของตระกูล Macpherson พวกเขาต่อสู้เป็นอย่างดีกับทหารอังกฤษในปี45 หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ไปเมืองฝรั่งเศส เหมือนตระกูลอื่นๆ เขาได้หลบซ่อนอยู่ที่นี่ตั้งแต่นั้นมา และพวกทหารก็ไม่เคยหาพวกเขาเจอเลยสักที พวกพ้องจะเอาสิ่งที่เขาต้องการมาให้
                เราถูกพาตัวไปยังถ้ำ ซึ่งถูกปกปิดด้วยก้อนหินและต้นไม้เป็นอย่างดี และ Cluny Macpherson ก็ตรงเข้ามาต้อนรับพวกเราด้วยตัวเขาเอง แฉกเช่นราชาในราชวัง เขาดูเหมือนว่ากินดีอยู่ดีในถ้ำของเขา และส่งอาหารมาให้พวกเราเป็นอย่างดี ซึ่งมันถูกเตรียมไว้โดยคนครัว  แต่เราก็เหนื่อยเกินกว่าที่จะกินอาหารไปได้ ดังนั้น ในครั้งแรกผมได้ทอดตัวลงนอนแล้วก็หลับไป ในความจริงแล้ว ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ตัว ผมมีไข้สูงมากและหลับไปสองวัน และตื่นขึ้นมาด้วยดวงตาที่พล่ามัว ก็พบกับ Clunyและ Alan กำลังเล่นไพ่กันอยู่ และในครั้งที่สอง ผมได้ยิน Alan ขอยืมเงินจากผม ผมป่วยหนักและก็หลับไปเพื่อที่จะปฏิเสธ
                แต่เมื่อผมตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ในวันที่สาม ผมรู้สึกดีขึ้นมาก ถึงแม้ว่าจะไม่แข็งแรง ผมสังเกตเห็นว่าAlan ดูเหมือนว่ากำลังละอายแก่ใจ แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
                “Davad” เขาพูดอย่างน่าสังเวช ข้าได้เอาเงินของแกไปหมดกับการเล่นไพ่แล้ว
                “ไม่ ไม่ แกไม่ได้ทำมันหาย” Clunyร้องออกมา แน่นอนว่าฉันให้เงินแกคืนไปแล้ว มันเป็นแค่เกม ข้าไม่ต้องการจะเอาเงินของแก นี่แล้วดึงเหรียญทองออกมาจากกระเป๋าของเขา
                ผมไม่รู้ว่าถ้ามันเป็นสิ่งที่ดีเขาจะยอมรับเงินนั้นหรือไม่ แต่เราก็ต้องการมัน  ดังนั้นผมจึงขอบคุณ Cluny และเหรียญไปใส่ไว้ในกระเป๋าของผม มันก็ทำให้ผมโกรธAlanมาก ในขณะที่เราออกจากถ้ำของCluny และเดินทางต่อไป ผมก็ไม่พูดกับเขาเลย
                ครั้งแรก Alan พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะพูดกับผม เขาบอกว่าเขาขอโทษ และเขารักผมเหมือนน้องชาย เขาเป็นกังวลกับสุขภาพของผมเป็นอย่างมาก และยื่นมือมาให้ผมจับในขณะที่ข้ามแม่น้ำและปีนขึ้นไปบนเนินเขา แต่หลังจากนั้นสองสามวัน ผมก็ยังรู้สึกว่าผมยังคงโกรธเขาอยู่ และเขาก็กลับมาโกรธเหมือนกันและหัวเราะเยาะผมตอนที่ผมตกลงมา หรือตอนที่ดูเหมือนว่าเหน็ดเหนื่อย
                เราเดินทางกันในตอนกลางคืน โดยผ่านฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องและลมแรง ผมหลับในพงหญ้าเปียกๆวันหนึ่ง ผมรู้สึกทุกข์ยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ ไข้ของผมก็กลับมาอีกครั้งหนึ่ง และผมเริ่มที่จะคิดว่าการเดินทางของผมในครั้งนี้จะจบลงด้วยการตายของผม  “Alanเสียใจเมื่อผมได้ตายลงผมคิดด้วยความเป็นเด็กของผม
                Alan ยังคงหัวเราะเยาะผมต่อไปและก็เรียกชื่อของผม ในคืนที่หกความอดทนของผมก็มาถึงที่สุด ผมหยุดและพูดอย่างโกรธเกรี้ยวกับเขา “Mr.Stewart” ผมพูดทำไมคุณต้องหัวเราะเยาะผมด้วย ผมก็ควรหัวเราะเยาะคุณเช่นกัน บางทีคุณเป็นที่รู้จักในนามของราชา แต่คุณก็ได้ทำมันหายไป คุณใช้ชีวิตอย่างเร่ร่อน คุณไม่กล้าหาญพอที่จะสู้กับ Campbell และ อังกฤษ และจะชนะพวกเขาได้
                เขาจ้องเขม่งมาที่ผม “David” เขาพูด มีหลายสิ่งที่แกไม่ควรพูด และหลายอย่างที่ไม่สามารถลืมมันได้
                “ถ้าแกไม่ชอบสิ่งที่ฉันพูด ฉันพร้อมที่จะสู้กันผมตอบเขาไปอย่างโง่เขล่า ผมรู้ว่าผมไม่แข็งแรงพอที่จับดาบได้
“David” เขาลั่นออกมา แกจะบ้าหรือไงฉันไม่สามารสู้กับแกได้ มันจะทำให้ข้าเป็นฆาตกร”  เขาหยิบดาบของเขาขึ้นมาแล้วมองมาที่ผม ไม่ ไม่ ไม่ข้าทำแบบนั้นไม่ได้เขาพูด แล้วก็วางดาบของเขาลงกับพื้น
เมื่อผมเห็นว่าเขารักผมเพียงใด ผมก็ไม่โกรธเขาต่อไปอีกเลย ผมเพียงปวดใจและเสียใจ ผมจำความดีที่ทุกอย่างที่เขามีต่อผม และวิธีที่เขาช่วยผมให้ผ่านความยากลำบากเสมอ และตอนนี้ผมก็ได้ทำเพื่อนของผมหายไปอีกแล้ว อาการไข้ของผมดูเหมือนว่าจะเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ  และผมก็ทำได้เพียงยืนเท่านั้น ผมต้องการจะกล่าวคำขอโทษแต่ก็รู้ดีว่ามันสายไปเสียแล้ว ทันใดนั้นผมก็นึกขึ้นได้ว่าการร้องของความช่วยเหลือคือทางเดียวเท่านั้นที่นำ Alan กลับมาหาผม
“Alan” ผมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ถ้าคุณไม่ช่วยผม ผมก็มีทางเดียวก็คือตายอยู่ที่นี่ผมไม่ต้องการที่จะโกหกคุณนะ
เขาหันกลับมาอย่างรวดเร็ว และประหลาดใจ แกเดินได้ไหม
                “ถ้าไม่ช่วยผม Alan ถ้าผมตายลง คุณจะลืมสิ่งที่ผมพูดไหม ในหัวใจของผม ผมยังเป็นเพื่อนของคุณอยู่เสมอ คุณก็รู้ใช่ไหม
                “เงียบ” Alan ลั่นออกมา อย่าไปพูดถึงความตายเลย เดวิดน้องชายเขาไม่สามารถที่จะเดินต่อไปได้ แล้วโอบแขนของเขามาโอบกอดผม เดวิด ข้าเป็นเพื่อนที่เลวของแก ข้าไม่ได้ใส่ใจหรอกเพราะแกก็คือเด็กคนหนึ่ง ข้าไม่สามารถที่จะเห็นแกตายเพียงคนเดียวได้หรอกเขาเกือบจะร้องไห้ออกมา เชื่อมั่นในตัวข้า และแกจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่
                เขาช่วยพาผมลงไปยังหุบเขาที่อยู่ใกล้บ้านคนมากที่สุดมันช่างโชคดีซึ่งมันเป็นบ้านของญาติผู้ซึ่งเป็นมิตรกับ Steward ผมนอนอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหลายวัน ไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้  Alan ไม่ยอมออกห่างจากผมเลย และดูแลผมอย่างที่ดีสุด ผมเริ่มดีขึ้นที่ละเล็กทีละน้อย ด้วยความช่วยเหลือจากเขา และก่อนที่หนึ่งเดือนจะผ่านไปเราได้เดินทางต่อไป
                นี่ไม่ใช่เวลาที่เราจะมาเถียงกัน เราไม่เห็นพวกทหารอีกเลย และดูเหมือนว่าการทางของเราในตอนเริ่มที่จะง่ายขึ้น เราเดินผ่านคืนที่แสนจะอบอ้าวในช่วงหน้าร้อน  ทานข้าวโอ๊ตของเรา และดื่มเหล้าของเรา และนอนหลับในพงหญ้าที่แห้งในเวลากลางวัน และในตอนนี้เราได้อยู่ในเมือง Lowlands แล้ว เราเริ่มที่จะปลอดภัยแล้ว เราทั้งสองรู้สึกมีความสุขและมีหวังขึ้นมาแล้ว และเมื่อเราข้าม River Four โดยเรือจากเมือง Limekilns เราอยู่ห่างจาก Queensferry เพียง 5 กิโลเมตร ที่ซึ่ง Mr Rankeillor อาศัยอยู่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น